ข้อมูลธุรกิจ
ข้อมูลทั่วไป
กลุ่ม Thai Koon มีบริษัทหลักคือ Thai Koon Steel Co., Ltd. ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ผลิตเหล็กท่อรายใหญ่ในประเทศไทย มีพนักงานและคนงานสัญญาจ้างมากกว่า 300 คน บริษัทผลิตท่อเหล็กได้ 104,819 ตันในปีงบการเงินสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2023 และมีรายได้ 3.3 พันล้านบาท ลูกค้าส่วนใหญ่ของเราเป็นร้านค้าส่งและค้าปลีกผลิตภัณฑ์เหล็กและวัสดุก่อสร้างจำนวนมากที่กระจายอยู่ทั่วพื้นที่ประเทศไทย กลุ่ม Modern Trade ได้แก่ Homepro, Dohome, Global House และไทวัสดุ รวมถึงจำหน่ายตรงไปยังผู้ใช้งานในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น อุตสาหกรรมก่อสร้าง อุตสาหกรรมยานยนต์ เป็นต้น
โครงสร้างกลุ่ม
กลุ่มฯ มี Thai Koon Steel Co., Ltd. เป็นบริษัทแม่ของกิจการ ถือหุ้น 100% โดยครอบครัวสกุลวรรัตน์ โดยมีบริษัทในเครืออีก 3 บริษัท ประกอบด้วย
- บริษัท ไทยคูณเชน จำกัด ดำเนินธุรกิจผลิตโซ่เหล็กและลวดเหล็กรีดเย็นเพื่อจำหน่าย โดยเป็นผู้ผลิตโซ่เหล็กรายแรกและรายเดียวในประเทศไทย ถือหุ้นโดย บริษัท ไทยคูณสตีล 40% และครอบครัวสกุลวรรัตน์ 60%
- บริษัท ไทยคูณเทรดเดอร์ จำกัด ดำเนินธุรกิจตัวแทนจำหน่ายท่อเหล็ก ถือหุ้นโดยครอบครัวสกุลวรรัตน์ 100%
- บริษัท ไทยคูณพร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ดำเนินธุรกิจบริหารและจัดการสินทรัพย์และอสังหาริมทรัพย์ ถือหุ้นโดยครอบครัวสกุลวรรัตน์ 100%
โครงสร้างตลาด และกิจกรรม
กลุ่มฯ ประกอบด้วยสองบริษัทผู้ผลิต คือ Thai Koon Steel Co., Ltd. และ Thai Koon Chain Co., Ltd. โดยแบ่งการผลิตตามวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตสินค้า ดังนี้
- Thai Koon Steel Co., Ltd. ผลิตและจำหน่ายสินค้าที่ใช้เหล็กม้วนเป็นวัตถุดิบ สินค้าที่จำหน่ายประกอบด้วย เหล็กท่อกลม, เหล็กท่อเหลี่ยม, เหล็กฉากเจาะรูเคลือบสี, ระแนงเหล็กลายไม้ และท่อเหล็กตัดสั้น กลุ่มลูกค้าหลักเป็นลูกค้าในประเทศจากร้านค้าส่งและค้าปลีกผลิตภัณฑ์เหล็ก, Modern Trade และผู้ใช้งานโดยเฉพาะกลุ่มก่อสร้างและตกแต่งภายใน
- Thai Koon Chain Co., Ltd. ผลิตและจำหน่ายสินค้าที่ใช้ลวดเหล็กเป็นวัตถุดิบ สินค้าที่จำหน่ายประกอบด้วย โซ่เหล็ก, โซ่เหล็กแรงดึงสูง, ลวดเหล็กรีดเย็น, Rain Chain และโซ่สายพานลำเลียง กลุ่มลูกค้าหลักในประเทศเป็นกลุ่มก่อสร้างและตกแต่งภายใน, กลุ่มผู้ผลิตเนื้อสัตว์ปีก เช่น CPF, TFG และสหฟาร์ม เป็นต้น ส่วนลูกค้าต่างประเทศจะเป็นผลิตภัณฑ์โซ่เหล็กแรงดึงสูง ซึ่งมีจำหน่ายไปให้ลูกค้าทั้งในสหรัฐอเมริกา, เกาหลี, อินเดีย, มาเลเซีย และจีน
ผลการดำเนินงานทางเศรษฐกิจ
อุตสาหกรรมเหล็กมีลักษณะเป็นวัฏจักร ผลการดำเนินงานทางการเงินได้รับอิทธิพลอย่างมากจากสภาวะเศรษฐกิจมหภาคทั่วไปที่กำหนดความต้องการเหล็ก รวมถึงความสามารถในการผลิตที่มีอยู่ทั่วโลก ราคาวัตถุดิบ และอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา การพัฒนาของตลาดในประเทศและการเปลี่ยนแปลงในตลาดเหล็กโลกส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานทางการเงินของกลุ่มฯ
หลังจากที่ตลาดเหล็กฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งจากการระบาดของ COVID-19 ในปี 2022 เศรษฐกิจในปีนี้ได้รับผลกระทบมากขึ้นจากสงครามในยูเครน การจำกัดการเดินทางในจีน และการปรับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางเพื่อลดอัตราเงินเฟ้อ ผลลัพธ์คือการชะลอตัวทางเศรษฐกิจที่ถึงจุดต่ำสุดในไตรมาสที่สี่ของปี 2022 ทำให้ช่วงเวลารายงานในปี 2023 เป็นปีที่ธุรกิจอยู่ในช่วงฟื้นตัวมี (EBITDA) จำนวน 187 ล้านบาท (เพิ่มขึ้นจาก 22 ล้านบาทในปีที่แล้ว)